วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2553

ชนเผ่าพื้นเมืองภาคเหนือ

ชนเผ่าอาข่า-ตำนานชนเผ่าอาข่า
ตามตำนานการเล่าขานมาของชนเผ่าอ่าข่า ปากต่อปากคนต่อคน มายาวนานกว่า 60 ชั่วอายุคน เพื่อเป็นการสืบหาต้นตระกุลว่าเป็นใคร มาจากไหน ซึ่งชนเผ่าอ่าข่าเรียกว่า จึ เล่าขานกันว่า อู่มะ , อู่ว้อง , ว้องยอก , ยอกยือ , ยือโท , โทมา , มายอ , ย่อแน่ , แน่แป , แปซุ้ม , ซุ้มมีโอ ฯลฯ อ่าข่ามีความเชื่อว่าก่อนมาถึงซุ้มมีโอ นั้นเป็นทุกสิ่งที่ปรากฏในจักรวาล เช่น ลม ฟ้า อากาศ ฯลฯ ทุกสิ่งพูดได้ และหลังจากซุ้มมีโอก็มีสองอย่างคือผีและคน ซึ่งมีแม่เป็นคนเดียว เชื่อว่ามนุษย์เรามีหน้าอกกว้าง 7 ศอก เกิดออกมาพูดได้เดินได้ และมีมนุษย์คนหนึ่งที่มีภรรยาท้องแก่จวนจะคลอด ผู้เป็นสามีได้ไปหาไม้เพื่อมาทำเป็นครกกระเดื่อง ระหว่างที่ไปนั้นภรรยาได้คลอดลูกชายออกมา เมื่อคลอดออกมาลูกจึงถามแม่ว่าพ่อไปไหน แม่จึงตอบไปว่าไปเอาครกกระเดื่องในป่า ลูกจึงเดินทางไปตามหาพ่อในป่า พอไปถึงก็เจอพ่อกำลังโค่นต้นไม้ขนาดใหญ่ และไม้ล้มไปทับลูกชาย กิ่งไม้แทงบริเวณหัวไหล่ ลูกจึงตะโกนบอกพ่อว่าหนามแทงที่หัวไหล่ พ่อจึงใช้ขวานฟันเอากิ่งไม้ที่หัวไหลออก ทำให้มนุษย์เราตัวเล็กลงตั้งแต่บัดนั้นมา เพราะอุบัติเหตุถูกต้นไม้ทับ หลังซุ้มมีโอ , โอ โทเล , โท่เล จุม , จุมมอ แย , มอแย จา , จาทื่อสี่ , ที่สี่ ลี้ , ลี้ภู แบ , ภูแบ อู , อูโย ย่า , โยย่า ช่อ , ช่อมอ โอ๊ะ , มอโอ๊ะ เจ่ , เจ่ เท่อ เพอะ , เท่อ เพอะ ม้อ , เท่อเพอะม้อถือว่าเป็นอ่าข่าคนแรก ส่วน เจ่ เท่อ เพอะ คือเป็นแม่รวมของผีและคน และเป็นแหล่งเกิดศาสนาต่างๆบนโลก ซึ่งอ่าข่าเรียกว่า อะมา มาตะ ซึ่งแยกคำได้ดังนี้ อะมา แปลว่าแม่ มาตะ แปลว่าร่วมกัน ความหมายคือ แม่ร่วมของคนและผี มีลักษณะข้างหลังมีนม 9 เต้า เอาไว้สำหรับผี ด้านหน้าอกมี 2 เต้าสำหรับมนุษย์ มนุษย์เราจึงมีเพียงแค่สองเต้านมเท่านั้น ช่วงที่ผีและคนอยู่ในครอบครัวเดียวกัน ให้ผีทำงานกลางคืน แล้วให้มนุษย์นอน กลางวันมนุษย์ทำงาน ให้ผีนอน เสือกับควายอยู่ด้วยกัน นกอินทรีย์กับไก่อยู่ด้วยกัน ดำเนินชีวิตอย่างนี้มาตลอด
จนมาถึงอะมามาตะได้เสียชีวิตลง ผีกับมนุษย์ก็ได้เลาะกัน นกอินทรีย์กับไก่แยกกันอยู่ ควายกับเสือไม่ถูกกัน สาเหตุที่ทะเลาะกันเพราะไม่สามารถทำพิธีร่วมกันได้ระหว่างผีกับมนุษย์ เพราะผีกับมนุษย์มีความแตกต่างกัน เช่น ผีนอนกลางวัน ส่วนมนุษย์นอนกลางคืน เมื่ออะมามาตะได้เสียชีวิตในเวลากลางวัน ผีกำลังนอนหลับอยู่ อะมามาตะได้หันนม 9 เต้า มาทางมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์มีนม 9 เต้า มนุษย์เราจึงหันข้าง 9 เต้าไปทางผี เพราะไม่อยากได้นม 9 เต้า ผีจึงได้นม 9 เต้า จึงมีความเชื่อว่าผีมีนม 9 เต้า ได้จัดพิธีกรรมให้อะมามาตะ โดยเชิญพี้มาของผีชื่อว่า ยา โล เบ เช้ ได้ไปหาสัตว์ทุกชนิดที่มีครรภ์มา และสัตว์ได้แหกคอกหนี เหลือแต่ หมี กระลอก กึโห ( เป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง มีรูปร่างลักษณะคล้ายกระลอก มีขนาดเท่าแมว ) อ่าข่าเมื่อไปล่าสัตว์ได้สัตว์ดังกล่าวมาและมีครรภ์นำมากินไม่ได้เด็ดขาด เพราะมีความเชื่อว่านั้นคือสัตว์ที่ผีใช้ในการประกอบพิธีกรรมให้อะมามาตะ เมื่อพี้มาของผีท่องไป อะมามาตะก็ลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า ไปไม่ได้ หนทางยาก ( หมายถึงท่องบทสวดแล้วพาวิญญาณไปถึงสวรรค์ไม่ได้ ) ท่องอยู่ด้วยกัน 3 คืน ก็ส่งวิญญาณไม่ได้ จึงได้เชิญพี้มาของมนุษย์มาท่องต่อ ชื่อว่าพี้มา ยา แม อะห่อง ซึ่งเป็นพี้มาคนแรกของอ่าข่าและคนแรกของโลก เมื่อพี้มาของมนุษย์ท่องบทสวดไปได้ 1-2 คืน อะมามาตะก็ลุกขึ้นมาแล้วกล่าวว่า ไปยังไม่ได้ ไปได้แค่ครึ่งเดียว เมื่อท่องถึงคืนที่ 3 ซึ่งเป็นคืนสุดท้าย เมื่อจบบทสวดอะมามาตะก็สิ้นใจตายทันที และต้นกำเนิดพิธีกรรมต่างๆ จึงเกิดจากตรงนี้ สืบทอดกันมาอย่างเคร่งครัดจนถึงปัจจุบัน หลังจากอะมามาตะได้สิ้นใจตาย ผีกับคนก็ยังอยู่ในครอบครัวเดียวกัน ชื่อบ้านว่า ดา โก๊ะ ดากะ แต่เริ่มทะเลาะกันหนักขึ้น เนื่องจากต่างฝ่ายต่างอยากแยกไปอยู่กันอย่างเอกเทศ จึงกล่าวโทษซึ่งกันแล้วกันว่า มนุษย์อยู่บ้านผีไปทำงานกลับมาก็กล่าวโทษมนุษย์ว่าขโมยไข่ผี ผีไปไร่คนก็กล่าวโทษผีว่าขโมยแตง ซึ่งจริงๆ แล้วไม่มีใครขโมยกัน เมื่อกล่าวหาซึ่งกันและกันหนักขึ้น มนุษย์กับผีก็อยู่ในครอบครัวเดียวกันไม่ได้ ก็เลยสาบานกันและให้มีการแบ่งเขต ต่างฝ่ายต่างจะไม่เห็นกัน และไม่ไปล้ำเขตซึ่งกันและกัน แบ่งกลางคืนให้ผี กลางวันให้มนุษย์ จึงได้ทำพิธีกรรมแยกจากกัน โดยให้คนปิดหน้าและหันหลังให้ผี ผียืนมองคน เอากระด้งปิดหน้าสุนัข อ่าข่าจึงมีความเชื่อว่าเวลาสุนัขหอน หรือเห่า เพราะว่าเห็นผีอย่างลางๆ มองจากรูกระด้ง และเชื่อว่าผีเห็นคน แต่คนไม่เห็นผี นอกจากขวัญอ่อน เวลาเจอผีหลอก
อ่าข่าจึงนิยมเอาคำสาบานของผีกับคนที่ว่าจะไม่ล้ำเขตซึ่งกันและ กันมาเป็นคาถามในการทวงถามผี และเชื่อว่าผีกลัวน้ำลายคนมาก เพราะน้ำลายคนถ้าถูกผี ผีตัวนั้นจะเป็นโรคเรื้อน เวลาเจอเหตุการณ์ไม่ดีต่างๆ อ่าข่าจึงมีวัฒนธรรมคือต้องคายน้ำลายทิ้งเพื่อให้ผีกลัว

ที่มา:มูลนิธิกระจกเงา โครงการพิพิธภัณฑ์ชาวเขาออนไลน์ http://www.hilltribe.org ชนเผ่าอาข่า-ตำนานชนเผ่าอาข่า

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

free counters